Divergence คือ รูปแบบทางกราฟเทคนิคอย่างหนึ่ง เป็นการแยกออกจากกันของราคาและตัวชี้วัด (Indicator) ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ Oscillator นั่นหมายความว่าทิศทางของราคาและตัวชี้วัดจะสวนทางกันหรือตรงกันข้าม นักเทรดก็มักจะได้ยินอีกหนึ่งคำคือ Convergence คือการลู่เข้ากัน นั่นเมื่อทิศทางราคาและตัวชี้วัดแสดงไปในทางเดียวกัน
Divergence ในทางเทคนิคมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. Regular Divergence เป็นรูปแบบไดเวอเจนทั่วไป สามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ
- Bullish Divergence คือราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ หรือ Lower low (LL) เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดเก่า แต่ตัวชี้วัดอย่างอินดิเครเตอร์ทำจุดต่ำใหม่แต่สูงกว่าจุดต่ำสุดเก่า สำหรับเทคนิคง่ายๆในการดู Bullish Divergence ให้ได้ผลที่ทรงประสิทธิภาพ คือต้องรอให้ราคาที่มาทำ new low มีการดีดตัวกลับเสียก่อน ตรงบริเวณตำแหน่ง new low ต้องเกิด Bullish Candle คือการดีดตัวกลับ แล้วเราจึงมาดูอินดิเครเตอร์ว่า new low นั้นสูงกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าสูงกว่าก็คือสัญญาณ Bullish สามารถทำการซื้อได้
- Bearish Divergence คือราคามีการขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ หรือ Higher high (HH) แต่ตัวชี้วัดกับทำlower high คือสร้างจุสูงสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุงเดิม และเมื่อใดที่ราคาลดต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม ทำให้ตลาดอยู่ในสภาวะที่มีโอกาสอย่างมากที่จะกลับตัวจากขาขึ้นเปลี่ยนเป็นขาลงคะ ให้ระวังการลับตัวจาลขาขึ้นเป็นลง
2. Hidden Divergence เป็นรูปแบบที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงทิศทาง สามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ
- Bullish Hidden Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่อยู่สูงกว่าเดิม หรือ higher low (HL) แต่อินดิเคนเตอร์กลับมาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ เรียกว่า Lower Low (LL) จะเกิดขึ้นในเทรนขาขึ้น สัญญาณจากอินดิเคเตอร์จะเป็นสัญญาณบอกว่าราคาจะมีการพักตัวในเทรนขาขึ้น ให้หาจุดเข้าออเดอร์
- Bearish Hidden Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่อยู่ต่ำกว่าเดิม หรือ lower high แต่อินดิเคเตอร์กลับสร้างจุดสูงสุดใหม่ หรือ Higher high เป็นการส่งสัญญาณว่าราคากำลังจะปรับตัยในเทรนขาลง
การใช้ไดเวอเจนในการเทรดนั้น เทรดเดอร์บางคนมักนิยมเปิดออเดอร์เร็วเกินไปหรือเปิดทันทีที่เห็นไดเวอเจน ไม่รอสัญญาณที่แท้จริง ควรรอจนกว่าจะยืนยันการเปลี่ยนทิศทางที่แน่นอนเสียก่อน โดยช่วงยืนยันสัญญาณอาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย หรือว่าระดับLow/High ก่อนหน้าเป็นตัวยืนยัน หรืออาจจะดูบริเวณแนวรับ หรือ แนวต้านก่อนหน้า เป็นข้อมูลประกอบในการเข้าเทรดได้ หากเกิดไดเวอเจน ใกล้บริเวณแนวรับหรือแนวต้านก่อนหน้า ก็จะเป็นตัวช่วยบ่งชี้ว่าราคามีโอกาสผ่านระดับนั้นได้มากหรือน้อย
อย่างไรก็ตาม Divergence ไม่ได้เป็นตัวบอกกับนักเทรดว่าราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มจากราคาลดลงเป็นราคาสูงขึ้น หรือจากขึ้นเป็นลดลงนะคะ แต่เป็นการบอกว่าโมเมนตัม หรือแรงส่งของราคาเริ่มเปลี่ยนไป หากราคาวิ่งขึ้น new high แต่มีแรงส่งที่ลดลงกว่าการวิ่งขึ้นครั้งก่อน เป็นไปได้ว่าราคาจะถดถอยลงมากหลังจากที่วิ่งขึ้นจบแล้ว หรืออาจจจะพักตัวออกข้างก็ได้ ด้วยเหตุนี้เองเราไม่สามารถบอกได้ว่าราคาจะเปลี่ยนจากขึ้นเป็นลงหรือไม่ การเกิดไดเวอเจนนั้นเป็นเพียงการหมดแรงของราคา ไม่ใช่จะเปลี่ยนทิศทาง ค่าเงินที่มีพลังสูงๆ ราคาวิ่งขึ้นต่อเนื่องมานานๆ เวลาที่จะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง อาจจะเกิดไดเวอเจนได้หลายครั้ง ก่อนที่จะกลับตัว ในทางกลับกันราคาที่ดิ่งลงมานานแล้วจะกลับตัววิ่งขึ้น ก็อาจเกิดไดเวอเจนได้หลายครั้งด้วย
เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่อยากให้นักเทรดได้นำไปลองทำความเข้าใจ ศึกษา และนำไปใช้ในการเทรดฟอเร็กซ์ครั้งต่อๆไปนะคะ