Relative Strange Index (RSI) ค่าที่บอกถึงปริมาณการซื้อ-ขาย โดยเกิดจากการคำนวณความเร็วของการเคลื่อนที่ของราคาตัวเลขที่นำมาใช้ในการวัดค่า RSI คือเลข 0-100
การใช้ RSI ด้วยวิธีอ่านค่ากราฟ ดังนี้
1. ใช้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาวะการซื้อ-ขายมากเกินไป (Overbought/Oversold) ซึ่งเราสามารถดูได้จากเส้น RSI มีค่ามากกว่า 70 ขึ้นไป จะเข้าสู่สภาวะการซื้อมากเกินไป อาจส่งผลให้ราคามีการปรับตัวลดลงได้ แต่หากเส้น RSI มีค่าน้อยกว่า 30 เพราะมีแรงเทขายมากเกินไป อาจส่งผลให้ราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเส้น RSI จะแสดงสัญญาณแนวโน้มว่าราคาจะการปรับตัว อาจขึ้นหรือลง แต่ก็ไม่ใช่สัญญาณที่บอกนักเทรดว่าจะต้องทำการซื้อหรือขายนะคะ ควรใช้เครื่องมืออื่นร่วมด้วย เพื่อเป็นการยืนยันการตัดสินใจ
2. สัญญาณเตือนการกลับตัวของราคา (Divergence) ซึ่งไดเวอเจนซ้คือรูปแบบที่เกิดจากแรงส่ง (Momentum) ของราคากับอินดิเคเตอร์มีความขัดแย้งกัน ในการกรณีของ RSI แบ่งออกได้ 2 ส่วนใหญ่คือ
- สภาวะ Bullish Divergence สัญญาณการกลับตัวจากขาลง เป็นขาขึ้น เป็นรูปแบบที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคากับRSI ที่เดินสวนทางกัน คือกราฟราคาลงต่ำลงเรื่อยๆ ในขณะที่ เส้น RSI กลับวิ่งขึ้นสูงไปเรื่อยๆ หากเกิดรูปแบบนี้แสดงถึงแนวโน้มการกลับตัวจากขาลง ไปเป็นขาขึ้น
- สภาวะ Bearish Divergence สัญญาการกลับตัวจากขาขึ้น เป็นขาลง ขณะที่กราฟราคาปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เส้น RSI กับวิ่งต่ำลงเรื่อยๆเช่นกัน แสดงให้นักเทรดทราบว่าราคาจากเดิมที่ลดลงกำลังจะปรับตัวสูงขึ้น
3. สัญญาณเตือนการกลับทิศทางที่ผิดพลาด (Failure Swing) เป็นรูปแบบที่มีลักษณะคล้ายกับการเกิด Divergence คือ
- สัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Failure Swing) คือการที่เส้น RSI มีค่าต่ำกว่า 30 แล้วต่อมาเด้งกลับไปอยู่เหนือค่า 30 แล้วก็กลับตัวลงมาอีกแต่มีค่าไม่ต่ำกว่า 30 และต่อมาเส้นRSI ก็ปรับตัวพุ่งขึ้นจนทะลุแนวต้าน ในขณะที่กราฟราคาก็วิ่งทะลุแนวต้านด้วยเช่นกัน
- สัญญาณเตือนว่าอาจมีการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearing Failure Swing) จะมีรูปแบบของเส้น RSI ดังนี้ คือเส้น RSI จะสูงขึ้นกว่า 70 แล้วลดต่ำลงกว่าค่า 70 กลับตัวเด้งขึ้นอีกครั้งแต่ก็ยังต่ำกว่าเส้น 70 จนสุดท้ายเส้น RSI วิ่งดิ่งทะลุแนวรับลงมา พร้อมกับกราฟราคาที่หลุดแนวรับเช่นกัน
4. ทำหน้าที่เป็นแนวรบ/แนวต้านของเทรนด์ (Trend identification/Trend ID) สามารถแยกออกเป็น 2 ช่วงคือ
- ช่วงตลาดขาขึ้น (Bullish Market) โดยเส้น RSI จะเคลื่อนที่อยู่ในช่วง 40-90 โดยในช่วง 40-50 เส้น RSI จะทำหน้าที่เป็นแนวรับในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- ช่วงตลาดขาลง (Bearish Market) เส้น RSI จะเคลื่อนขึ้น-ลงในช่วง 1060 โดยในช่วง 50-60 เส้น RSI จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ในขณะที่ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลง
5. เมื่อทิศทางราคาเพิ่มขึ้นจะมีรูปแบบกราฟราคาจะวิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่เส้น RSIกลับต่ำลงเรื่อยๆ อยู่ในช่วง 30-50 ในขณะที่ทิศทางราคาจะเป็นลบ กราฟราคาที่เคยสูงจะต่ำลงๆ แต่เส้น RSI จะสูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในช่วง 50-70 หมายความว่าราคาจะมีโอกาสลงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การอ่านสัญญาณจาก RSI ไม่สามารถทำนายได้ถูกต้อง100 เปอร์เซ็นต์ ว่าราคาค่าเงินในอนาคตจะเคลื่อนไปในทิศทางไหน เพื่อให้ได้ผลดีคุณควรใช้ สัญญาณเตือนนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเข้าทำการซื้อ-ขาย ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์กราฟราคาค่าเงินด้วยนะคะ