Moving Average (MA) หรือ ที่นักเทรดเดอร์รู้จักกันที่ชื่อ “เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่” ซึ่งจัดว่าเป็นอินดิเคเตอร์ที่เข้าได้ง่ายที่สุด และได้รับความนิยมนำไปใช้เพื่อช่วยการตัดสินใจในการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ MA เป็นการคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาโดยใช้ข้อมูลของราคาย้อนหลังตามที่ระยะเวลาที่เรากำหนด เช่าหากเราสนใจค่า MA ในระยะเวลาย้อนหลัง 5 วัน เราก็จะใช้ราคา 5 วันย้อนหลังนับจากปัจจุบันมาคำนวณ ซึ่งข้อมูลราคาที่นิยมนำมใช้คำนวณคือ ราคาปิดของช่วงระยะเวลาที่เราสนใจ
เมื่อเราคำนวณด้วย MA แล้ว จะได้ค่าเฉลี่ยออกมาหลายค่า โดยจะคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นย้อนหลังค่าใหม่ เมื่อมีข้อมูลของราคาตัวใหม่เพิ่มขึ้นมา และแสดงผลออกมาเป็นกราฟเส้นด้วยการเรียงข้อมูลค่าเฉลี่ยที่คำนวณได้ต่อเนื่องกัน และวาดควบคู่กันไปกับกราฟราคา
ข้อสังเกตสำคัญๆ และนักเทรดควรทราบ คือ
1. เส้นกราฟ MA ที่แสดงควบคู่กับเส้นกราฟราคานั้น จะมีลักษณะเส้นที่ดูเรียบ ไม่ยึกยัก เมื่อเทียบกับกราฟของราคาหุ้นซึ่งจะมีลักษณะผันผวน กราฟจึงมีการขึ้นลงมากกว่า การวาดกราฟของเส้น MA จึงเป็นการตัดการผันผวนของราคาออกบางส่วน ทำให้เราสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของราคาได้ง่ายขึ้น
2. เส้นกราฟ MA จะถูกแสดงควบคู่กับเส้นกราฟของราคา โดยจะติดตามกราฟการเคลื่อนที่ของราคา และมีทิศทางเดียวกับทิศทางแนวโน้มของราคา แต่จะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงช้ากว่ากราฟของราคา ซึ่งคุณสมบัตินี้เองนักเทรดเดอร์ทั้งหลายนำไประบุแนวโน้มของการเคลื่อนไหวของราคา ณ ปัจจุบันว่าอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง
3. เส้น MA ที่คำนวณจากข้อมูลราคาย้อนหลังสั้นกว่า จะเคลื่อนที่ติดตามกราฟราคาได้ใกล้ชิดและเร็วกว่า เส้น MA ที่คำนวณจากข้อมูลราคาย้อนหลังนานกว่า
4. ในช่วงที่ราคาอยู่ในทิศทางขาขึ้น กราฟราคาจะอยู่เหนือเส้น MA และเส้น MAที่คำนวนจากราคาย้อนหลังสั้นกว่าจะอยู่เหนือเส้น MA ที่คำนวณจากข้อมูลย้อนหลังยาวกว่า
5. หากตลาดอยู่ในช่วงสภาวะไซด์เวย์ (sideway) คือราคาไม่ขึ้นไม่ลงอย่างชัดเจน เส้นกราฟราคาอาจจะอยู่เหนือหรือใต้เส้น MA สลับไปมาได้ รวมทั้งเส้น MAที่คำนวณจากข้อมูลย้อนหลังสั้นกว่าอาจจะตัดสลับขึ้นๆลงๆ เส้น MAที่คำนวณจากราคาย้อนหลังที่ยาวกว่า
สำหรับนักเทรดสามารถนำนำเส้น MA มาประยุกต์ใช้ในการซื้อ-ขายในตลาดฟอเร็กซ์โดยใช้เส้น MA เป็นแนวต้านและแนวรับ เส้น MA จะทำหน้าที่เป็นแนวรับเมื่อราคาค่าเงินอยู่ในช่วงขาขึ้น และทำหน้าที่เป็นแนวต้านเมื่อราคาค่าเงินอยู่ในช่วงขาลง
ยิ่งกว่านั้นเรายังสามารถใช้เส้น MA ในการบอกแนวโน้มของราคาได้ด้วย โดยดูจากความชัน ของเส้น MA ถ้าเส้นมีความชันชี้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วราคาวิ่งอยู่ด้านบนเส้น MA แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ในขณะเดียวกันหากเส้น MA มีการดิ่งลงเรื่อยๆ แล้วราคาวิ่งอยู่ใต้เส้น MA แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง หรืออาจจะใช้วิธีการดูการตัดการของเส้น MAที่ใช้จำนวนวันน้อยกับเส้นที่ใช้จำนวนวันมาก เมื่อเส้น MAระยะสั้นตัดกับเส้นระยะยาวแล้วขึ้นด้านบน แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ในทางตรงข้ามถ้าเส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวแล้วลงมา แสดงว่าเป็นขาลง
ถึงแม้ว่าเส้น MA จะเป็นเครื่องมือที่เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายที่สุดแล้ว แต่การนำ MA มาใช้นักเทรดเดอร์ทั้งหลายต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า MA ไม่เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มไม่แน่นอนหรือไม่ชัดเจนนั่นเอง (Sideway) เพราะกราฟ MAค่อนข้างจะให้สัญญาหลอกบ่อยครั้ง เส้น MAจะพันกันไปหมด จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ตัดสินใจเข้าซื้อ-ขายตอนที่ตลาดมีความผันผวน