การเทรดฟอเร็กซ์ นั้นนักลงทุนส่วนมากจะทำการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆด้วยอินดิเคเตอร์ ซึ่งมีด้วยกันหลายรูปแบบ ซึ่งบางคนไม่ได้ซื้อ-ขายจากสัญญาณของอินดิเครเตอร์เพียงชนิดเดียว แต่จะนำผลวิเคราะห์หลายๆอย่างมาประมวลผลร่วมกัน ซึ่งบางคนก็รู้ว่าอินดิเครเตอร์เหล่านี้ไม่ได้ให้ผลที่แม่นยำ100 % จนนักเทรดฟอเร็กซ์บางกลุ่มหันมาวิเคราะห์กราฟราคาด้วยกราฟแท่งเทียนเปล่า โดยหันหลังให้กับการใช้อินดิเครเตอร์ต่างๆ หรือที่เราเรียกว่า “การเทรดกราฟเปล่า” นั่นเอง
การเทรดกราฟเปล่า อาจสร้างความสงสัยว่าแล้วจะใช้อะไรวิเคราะห์ ซึ่งนักวิเคราห์เทคนิควิเคราะห์กราฟราคาด้วยเครื่องมือนี้ Price Action
Price Action คือ ศาสตร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดฟอเร็กซ์ เป็นการวิเคราะห์ทิศทงของกราฟราคาด้วยพฤติกรรมราคา นักเทรดที่นิยมใช้มักจะเป็นผู้ที่ทำการซื้อ-ขาย ฟอเร็กซ์ โดยวิเคราะห์กราฟราคา ดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาจากกราฟเปล่าๆ ทั้งในรูปแบบของ Candlestick (มีลักษณะเป็นแท่งเทียน) และ Bar Chart (มีลักษณะเป็นขีดแท่ง) Price Action ประกอบด้วย
Up bar หรือ ที่เรียกวา “Bullish bar” เป็นบาร์หรือแท่งเทียนที่ทำHigh สูงขึ้น และ Low สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น และมีการซื้อมากกว่าการขาย โดยปกติแท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) แต่บางครั้งแท่งเทียนสามารถเป็นสีแดงได้เช่นกันในกรณีราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด เพราะถ้าแท่งเทียนยังคงลักษณะที่ทำHigh สูงขึ้น และLow สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า ก็ยังคงเรียกว่า Up bar
Down bar หรือ “Bearish bar” หรือแท่งเทียนที่ทำ High ต่ำลง และ Low ต่ำลง กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาลง ฝั่งขายมีกำลังมากกว่าฝั่งซื้อ
Inside bar หรือ Mother bar หรือ Wide range หรือ Engulfing bar เป็นลักษณะที่แท่งเทียนทำ High สูงกว่าแท่งก่อนหน้า และ Low ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าเช่นกัน ต่ำแหน่งของราคาแสดงถึงว่ามีแรงซื้อ หรือแรงขายของฝั่งนั้นๆที่มีกำลังมากกว่า หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ถ้าแท่งเทียนล่าสุดคลุมแท่งเทียนก่อนหน้าทั้งหมด ถ้าราคาปิด-เปิด คลุมแท่งเทียนราคาปิดหรือเปิดก่อนหน้าทั้งหมด และปิดบวก แสดงถึงฝั่งซื้อมีกำลังมากกว่า แต่ถ้าราคาปิดลบคลุมแท่งเทียนก่อนหน้าทั้งหมด แสดงถึงฝั่งขายมีกำลังมากกว่า
Pin bar คือ ลักษณะไส้เทียนยาวๆออกมาฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และราคาอยู่ตรงข้ามกับฝั่งนั้น ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆออกด้านล่าง และราคาปิดอยู่บริเวณด้านบนเป็นลักษณะBullish pin bar แสดงว่าระหว่างวันมีแรงขาย แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงซื้อได้ ในทางตรงข้าม ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆขึ้นด้านบน และราคาปิดอยู่บริเวณด้านล่างของแท่งเป็นลักษณะ Bearish pin bar แสดงถึงระหว่างวันมีแรงซื้อ แต่ได้ไม่สามารถสู้แรงขายได้
นอกจากนั้นนักลงทุนบางคนยังใช้เทรนไลน์กับกราฟโดยเทรนไลน์จะใช้หาแนวโน้ม หาการกลับตัวและโอกาสการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องแนวรับ-แนวต้านมาใช้คู่กันด้วย ซึ่งการลากเส้นเทรนไลน์นั้นไม่มีกฎที่ตายตัว แต่จากประสบการณ์เราขอแนะนำวิธีลากเส้นเทรนไลน์ที่นำความคิดดีๆให้คุณ ได้แก่
1. ควรลากเส้นเชื่อมจุดต่ำสุดสำหรับเส้นเทรนไลน์ขาขึ้น และลากเส้นเชื่อมจุดสูงสุดสำหรับเทรนไลน์ขาลง สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องสามารถระบุจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดให้ได้เสียก่อน
2. การลาเส้นเทรนไลน์ควรเชื่อมกันได้ 3 จุดขึ้นไป จึงจัดว่าเป็นเส้นที่สามารถเอามาใช้วิเคราะห์ได้
3. นิยมลากเส้นขนานกับเส้นเทรนไลน์ควบคู่กันไป บางครั้งกราฟจะขึ้น-ลงอยู่ระหว่างสองเส้นนี้
4. เส้นเทรนไลน์ควรเป็นจุดสุดท้ายก่อนการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม